Dead Shadow เงามรณะ
คุ้มคลั่งที่สุด ระทึกที่สุด โหดร้ายที่สุด นวนิยายระทึกขวัญที่ทุกคนต้องอ่าน ผลงานของนักเขียนสืบสวนหักมุมชื่อดัง
ผู้เข้าชมรวม
4,053
ผู้เข้าชมเดือนนี้
46
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
บทนำ
ท้องฟ้าแล่บส่งเสียงครืนครางเต็มไปด้วยเมฆสีเทาภายนอกก่อให้เกิดแสงสว่างวาบชั่วขณะส่องผ่านเข้ามาในห้อง
ฝนคงใกล้ตกลงมาแล้ว เรย์ ฮิวจ์นั่งนิ่งอยู่ที่เก้าอี้ข้างเตียง สายตาเหม่อมองไปเบื้องหน้า
ปวดหัวรุนแรงราวกับพายุคลั่งเต้นรำอยู่กลางหัวสมอง
ในชั่วขณะนายตำรวจหนุ่มรู้สึกเหมือนประสาทสัมผัสทุกส่วนกำลังหลุดลอยไป
ได้แต่บอกตัวเองให้ตั้งสติไว้ นึกตริตรองว่าควรทำอย่างไรเพื่อแก้ปัญหายามนี้
สิ่งที่เกิดขึ้นยุ่งยากซับซ้อนเกินไป มันไม่ควรจะเป็นแบบนี้
ผิดพลาดในทุกขั้นตอนและเขากำลังถูกฉุดกระชากให้จมดิ่งสู่ความมืดมิด
แรงบีบคั้นจากจิตใจเริ่มส่งผลต่อร่างกายให้อยากขย้อนอาหารออกมาอีกครั้ง
ทั้งที่เมื่อครู่เพิ่งทำเช่นนั้นไป เขาไม่ได้รู้สึกแบบนี้มานานแล้ว
ตั้งแต่ตอนทำคดีเดอะแฟมมิลี่ เขาไม่ใช่พวกจิตอ่อน เพียงแค่ตอนนี้ทุกอย่างบีบคั้นมากเกินไป
ร่างชายคนหนึ่งในสภาพนอนคว่ำหน้าไม่ไหวติง
เลือดเริ่มไหลนองกระจายไปตามพื้นเชื่องช้า ภายใต้แสงสว่างน้อยนิด
สีแดงนั้นเข้มจนเกือบดำสนิท ไม่สดอย่างหนังหรือละครในโทรทัศน์
ของเหลวจากศพเริ่มย้อมพรมสีเขียวของโรงแรมราวกับมันมีชีวิตและจงใจกลืนกินพื้นที่ทั้งหมด
เรย์นั่งมองภาพตรงหน้ารู้สึกราวกับมันเป็นแค่น้ำที่ซึมลงไปสู่พื้นทราย
นึกสงสัยว่ามันจะสามารถทะลุไปถึงห้องพักด้านล่างได้ไหม
เอาเข้าจริงแค่เสียงปืนเมื่อครู่ก็เพียงพอให้ทุกคนได้ยินและดึงความสนใจสู่ห้องนี้ได้แล้ว
โรงแรมระดับต่ำคับแคบผนังแต่ละห้องคงไม่กันเสียงนักหรอก เรย์นึกแปลกใจที่ตัวเองยังคงทำตัวใจเย็น
นั่งนิ่งแบบนี้อยู่ได้
“ให้ตายสิวะ….” เขาสบถไม่เต็มเสียงอย่างอัดอั้นพร้อมทุบขาตัวเองเบาๆ
มันควรจะเป็นแค่การสอบสวนหรือข่มขู่ธรรมดาตามแบบที่เขาถนัด หมอนี่ไม่ควรตายตอนนี้
เรื่องที่ตามมาต่อจากนี้ยิ่งยุ่งยากกว่าเดิมทั้งๆที่มันควรจะคลี่คลายโดยง่าย
ทำไมเขาถึงได้โง่นักจนลืมตรวจดูว่าอีกฝ่ายซ่อนอาวุธไว้หรือเปล่า
ตำรวจหนุ่มหันไปมองทางเตียงนอน
ร่างแองเจล่าที่นั่งหันหลังให้กับเขาและศพสั่นไหวราวกับหัวเราะ
เอาเข้าจริงคงกำลังหวาดกลัวจนร้องไห้สะอึกสะอื้นมากกว่า น่าสมเพชที่สุด
เธอช่วยอะไรเขาไม่ได้เลย ต้องหาทางแก้ปัญหาเองทุกอย่าง
ขณะจ้องมองเธอ
ในหัวสมองชายหนุ่มคิดหาทางออก ความผิดครั้งเก่ายังไม่อาจสะสาง
แต่กลับเพิ่มมาอีกศพในคราวนี้ ต่อให้แก้ตัวเป็นแค่การป้องกันตัว
แต่สถานการณ์ของเขายามนี้ไม่ต่างจากผู้ต้องสงสัยหลบหนี ไม่ใช่ตำรวจที่กำลังปฏิบัติหน้าที่เช่นเดิมอีกแล้ว
เมื่อคิดถึงเรื่องพวกนี้วนเวียนไปมาอย่างไร้ทางออกมากเท่าใด
ยิ่งรู้สึกปวดหัวมากขึ้นทุกที เจ้าโรคร้ายนั่นเริ่มก่อตัวขึ้นอีกครั้ง
ปวดภายในราวกับถูกกดด้วยหินหนักกระด้าง
ภาพเก่าที่ก่อกำเนิดจากคำสาปหวนกลับมาอีกครั้ง ฉายวนเวียนซ้ำไปซ้ำมา
ทำเขารู้สึกเจ็บราวกับถูกกระหน่ำทุบด้วยบางสิ่งบางอย่าง
ทุกสิ่งทุกอย่างที่ดวงตาเขากำลังมองเริ่มถูกย้อมด้วยสีแดงสด
มีบางสิ่งกระตุ้นเร้าจากภายในหัวสมองให้อารมณ์พลุ่นพล่าน
อยากลุกไปทำร้ายผู้หญิงที่นั่งอยู่ในห้องด้วยเพื่อเป็นการระบายอารมณ์ ซึ่งเขาอาจจะทำแบบนั้นไปแล้วถ้าเผลอปล่อยให้สติหลุดลอยไป
ความรู้สึกดังกล่าวคล้ายเสียงกระซิบของปีศาจที่แอบซ่อนอยู่ภายใน
เกาะติดราวกับเงา เฝ้ารอโอกาสครอบงำร่างกายเขาแทน
และมันพบหนทางสะดวกยามเขาเผชิญกับภาวะกดดัน อ่อนแอทางใจเช่นนี้
อาจเป็นเพราะความรู้สึกกลัวและต้องการปิดบังซ่อนเร้นความผิดก็ได้
ไม่...เขาทำแบบนั้นไม่ได้
อย่าคิดอะไรให้มันโง่เง่าเกินไป
เธอไม่ได้ทำผิดอะไรเสียหน่อยและยังมีประโยชน์กับเขาอยู่ ใจเย็นไว้
เขาแค่ต้องการเวลาคิด คนแบบเขาเอาตัวรอดมาได้ตลอด
เริ่มจากกินยาเพื่อสะกดอารมณ์ที่พลุ่งพล่านอยู่ยามนี้
รีบกินยาเสียซะ ! เขาตะคอกบอกตัวเองในใจ
กัดฟันสูดหายใจลึกข่มอารมณ์ไว้ แต่ร่างกายไม่ยอมทำตามคำสั่งเสียเลย
ทุกอย่างดูฝืดฝืนยากลำบาก ต้องควบคุมความเครียดให้ได้ ตั้งสติให้ดี
คิดเสียว่าควรทำอย่างไรต่อไป อย่างน้อยก็มีเบาะแสให้สืบต่อ
ใช่แล้ว ไม่ไร้หนทางเสียทีเดียว
เขาหยิบยาจากขวดด้วยมือสั่นเทา ก่อนกรอกเข้าปากอย่างรวดเร็วกลืนลงไป รู้สึกสัมผัสขมเฟื่อนติดค้างลิ้น
“คุณ…..เป็นอะไรหรือเปล่า” แองเจล่าถามเสียงเบา
ทั้งกลัวและระแวงเขา
เรย์พอเข้าใจความรู้สึกเธออยู่หรอก
คงกลัวว่าเขาจะกดดันจนควบคุมอาการทางประสาทไม่อยู่แล้วลงมือทำร้ายเธอ
“ผมสบายดี” เรย์ตอบเสียงขรึม ไม่นานก็เริ่มรู้สึกผ่อนคลายขึ้น ยาคงเริ่มออกฤทธิ์แล้ว
เขาลุกขึ้นก่อนเดินข้ามศพไปยืนอยู่ข้างเธอ
พลางถอนหายใจ
“ผมไม่เข้าใจเลย”
เขาเอ่ยพร้อมใช้มือกดหน้าผากของตัวเอง “ทำไมหมอนี่ถึงหลุดออกมา
แล้วไอ้ปืนเฮงซวยนี่อีก”
มันเป็นเพียงคำถามที่เขาไม่ใส่ใจคำตอบ
เพียงอยากพูดระบายออกไปเท่านั้น
“ไม่รู้สิ” หญิงสาวตอบเสียงเลื่อนลอย “แต่เชือกที่มัดไว้หลุดออก
เขาอาจซ่อนปืนไว้ในห้องโดยที่คุณไม่รู้แล้ว…..”
“เอาเถอะ” เขายกมือขวาขึ้นแสดงท่าบอกให้เธอหยุดพูด
พลางส่ายหัวสลัดอาการปวดให้หมดสิ้น “ผมคงมัดเชือกได้แย่เอง
ดันเครียดจนขาดความรอบคอบ ไม่เป็นไรทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี เราควบคุมมันได้
ใช่...เราควบคุมมันได้”
เขาเดินไปริมหน้าต่าง
มองออกไปด้านนอก แสงจากฟ้าแล่บหายไปแล้ว ความมืดปกคลุมทั่วบริเวณ
แสงไฟจากตัวโรงแรมและเสาตามถนนเบาสลัว แค่พอให้เห็นที่จอดรถ สมเป็นทำเลของพวกโรงแรมดาวต่ำ
บรรยากาศชวนให้รู้สึกเหงาเมื่อเทียบกับย่านชุมชนของเมือง
เขานึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ทั้งหมดก่อนเดินมาถึงจุดนี้
ชีวิตในช่วงสองเดือนที่ผ่านมาซึ่งมีแต่ความผิดพลาด เขาควรเชื่อหมอ
กินยาให้เรียบร้อยแต่ก็ไม่ได้ทำ
เขาไม่ควรเชื่อจดหมายของ ”เงา” ที่นัดแนะให้ไปพบในห้องนั้น เขาไม่ควรจะป่วยเป็นโรคทางสมองเฮงซวยนี่
ใช่เพราะมันนั่นแหละคือจุดเริ่มต้นทำให้ชีวิตเจ้าหน้าที่สืบสวนอนาคตไกลต้องชะงักงัน
เขาปล่อยใจตัวเองคิดไปถึงจุดเริ่มต้นของคดี
ความทรงจำส่วนนี้หวนกลับมาอย่างง่ายดาย ติดแน่นราวกับเพิ่งจะเกิดขึ้น
ภาพตัวเขาก้าวเดินอย่างระมัดระวัง
กระชับปืนในมือแน่นไปตามทางเดินยาวคับแคบของอาคารโทรม
เรย์ได้ยินเสียงหัวใจเต้นแรงจนแทบกลบเสียงฝีเท้า
เขาไม่อาจรู้สึกถึงขาของตัวเองด้วยซ้ำ
มีเพียงร่างที่เคลื่อนไปตามทางเดินยาว
ก่อนใช้มือผลักประตูห้องสุดท้ายปลายทางให้หมุนเปิดเชื่องช้า
แสงสว่างจากหน้าต่างตำแหน่งตรงข้ามประตูสะท้อนจ้าส่องเข้าดวงตา
เงาร่างชายคนหนึ่งในสภาพยืนขาแนบชิดกัน
กางแขนทั้งสองออกราวกับพระเยซูถูกตรึงกางเขน มือข้างขวามีปืนลูกซอง…
ในพริบตาที่เกิดฟ้าผ่าอีกครั้ง
ภาพทั้งหมดสูญสลายไปอย่างรวดเร็ว
เรย์สลัดศรีษะขับไล่ความคิดเหล่านั้นออกไป
อย่าไปสนใจ ไม่มีประโยชน์ที่จะไปคิดถึงเรื่องดังกล่าวในตอนนี้
ขั้นแรกต้องคิดว่าควรจะเคลื่อนไหวอย่างไร
นี่เป็นช่วงเวลาแห่งการเดิมพันที่ไม่อาจถอยหลังกลับไปได้อีกแล้ว
ต้องเดินหน้าเท่านั้น วิธีรุนแรงแค่ไหนก็ต้องงัดมาใช้ ไม่สนว่าถูกต้องหรือไม่
ทุกอย่างจะตัดสินกันในเวลาที่เหลือ
ผลงานอื่นๆ ของ ปองวุฒิ ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ ปองวุฒิ
ความคิดเห็น